5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนรับการฉีดฟิลเลอร์

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนการรับการรักษาด้วยการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler)

ข้อที่ 1 ชนิดและคุณภาพของสารเติมต็มฟิลเลอร์(Filler)ที่ใช้ฉีด

สารที่จะใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายต้องเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูงและได้มาตรฐาน หมอแนะนำให้ใช้สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler) ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา(US FDA) สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler)เป็นสารที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับสารไฮยาลูโรนิค(Hyaluronic acid)ที่มีในผิวหนังของเราตามธรรมชาติมีหน้าที่เก็บความชุ่มชื้นช่วยให้ผิวเต่งตึง โดยเมื่อเราอายุมากขึ้นการสร้างสารนี้ลดลง มีการทำลายมากขึ้น จึงเกิดการพร่องลงของการนี้  สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler)ได้รับการยอมรับให้ใช้มานาน มีความปลอดภัยสูง และหากหลังการฉีดแล้วรู้สึกไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายออกได้  ผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler)ที่ผ่านการรับรองจากจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา(US FDA)เป็นที่ยอมรับว่ามีคุณภาพและความปลอดภัยสูง

ข้อที่ 2 การฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler)ใช้แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

การฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler) สามารถใช้เติมเต็มเพื่อแก้ปัญหาได้หลายจุด เช่น แก้ปัญหาถุงใต้ตา แก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา แก้ปัญหาร่องแก้ม รวมถึงการใช้ปรับโครงสร้างหน้าให้สมส่วน การปรับรูปคาง เป็นต้น

ข้อที่ 3 แพทย์ การวางแผนการรักษาและเทคนิคการรักษา

ข้อนี้เป็นข้อสำคัญของการรักษาเนื่องด้วยประสบการณ์ของแพทย์ การวางแผนการรักษาและเทคนิคในการฉีดมีผลอย่างมากต่อผลการรักษา แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถวางแผนการฉีดได้ดี สามารถใช้ปริมาณสารเติมเต็มฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลการรักษาสูงสุด ฉีดได้ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย

ข้อที่ 4 การรักษาร่วมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการรักษาสูงสุด

ผู้ที่มีปัญหาต้องใช้การรักษาด้วยการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler) มักมีปัญหาการหย่อนคล้อยร่วมด้วยเสมอ การยกกระชับผิวร่วมด้วยนอกจากจะทำให้หน้ากระชับตึงดูเป็นธรรมชาติแล้วยังช่วยให้ใช้สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์ลดลงด้วย มีการศึกษาพบว่าการยกกระชับด้วยอัลเทอล่า( Ulthera)ซึ่งผ่านการรับรองจากจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา(US FDA)ร่วมกับการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler)ช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้นโดยเพิ่มการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและเส้นใยอีนลาสติน*

(*Casabona Gabriela, Michalany Niceo. Microfocused Ultrasound with Visualization and Fillers for Increased Neocollagenesis Clinical and Histological Evaluation. Dermatologic Surgery: December 2014 – Volume 40 Issue p S194-S198)

ข้อที่ 5 การดูแลตัวเองให้ผลการักษาอยู่ได้นาน

สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคฟิลเลอร์(hyaluronic acid filler)สามารถอยู่ได้ประมาณ 10-12 เดือน การดูแลสุขภาพให้ดี นอนหลับได้ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงการทำทรีตเมนต์สม่ำเสมอจะทำให้การรักษาได้ผลดีและผลการรักษาอยู่ได้นานขึ้น

5 Things you should know before receiving treatment with a hyaluronic acid filler injection

No. 1 Type and quality of Hyaluronic acid filler

Substances that are injected into the body must be substances that are safe and effective to fill up our skin. I recommend using US FDA approved hyaluronic acid filler. Hyaluronic acid filler is a substance that has a structure similar to hyaluronic acid substance that is naturally found in our skin. It is responsible for keeping moisture helps the skin firm. When we get older, the production of our natural hyaluronic acid substance is less than destruction, so our natural hyaluronic acid substance gradually decreases. Hyaluronic acid filler has long been accepted for safety use.  If after the injection, you feel dislike, it can be dissolved. US FDA approved hyaluronic acid fillers are accepted to be safe and effective to fill up our skin.

 

No. 2 What problems can be solved by hyaluronic acid filler injection?

Injections of hyaluronic acid filler can be used to correct many problems such as eye bags, tear trough, cheek grove, nasolabial fold, chin shape adjustment and facial shape adjustment.

 

No. 3 Doctor’s experience, treatment planning and treatment techniques

These are an important aspect that have a profound effect on treatment results. Experienced doctors will be able to plan the injection well. The right amount of fillers can be used to achieve the maximum therapeutic effect. The good injection techniques will get natural looking result with safety.

 

No. 4 Combined treatment for maximum effectiveness

People with problems needing to use hyaluronic acid filler treatment often have sagging problems. Lifting the skin do not only help lifting and tightening our face naturally but also helps to reduce the volume use of hyaluronic fillers. There is research found Ulthera lift certified by the US Food and Drug Administration (US FDA) combined with Hyaluronic acid filler helps improve the treatment result by increasing new collagen and elastin fiber synthesis*.

(*Casabona Gabriela, Michalany Niceo. Microfocused Ultrasound with Visualization and Fillers for Increased Neocollagenesis Clinical and Histological Evaluation. Dermatologic Surgery: December 2014 – Volume 40 Issue p S194-S198)

 

No. 5 Taking care of yourself can provide long-lasting results

Hyaluronic acid filler can last about 10-12 months. Taking good care of your health, sleeping well, regular exercise, eating healthy food with high antioxidant including regular facial treatments will help improve and prolong the result.

Botox: Natural Looking and Safety Technique

บทความโดย นพ.ปิยะวัฒน์ ภูมิสุวรรณ พญ.ทิวานันท์ พรหมวรานนท์

Article by Dr.Piyawat POOMSUWAN Dr.Tiwanan PROMVARANON
日本語
English: Please scroll down

Botox: Natural Looking and Safety Technique

“โบทูลินุม ท็อกซิน” (Botulinum toxin)ในที่นี้ขอเรียกสั้นๆว่า โบท็อก (Botox)

แม้ว่า โบท็อก (Botox)มีใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่คนจำนวนมากก็ยังมีความกังวลในการรักษาริ้วรอยด้วยโบท็อก (Botox) โดยมักมีความกังวล 2 เรื่อง คือ

  • Botox ปลอดภัยหรือไม่?
  • กลัวฉีดแล้วหน้าเบี้ยว หรือ หน้าแข็ง ยิ้มไม่ได้ และทำอย่างไรจึงฉีดแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ

 

Botox ปลอดภัยหรือไม่?

องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้รับรองการใช้ โบท็อก (Botox)เพื่อการรักษาในปีค.ศ.1989 และได้รับรองการใช้ในด้านความงามสำหรับรอยขมวดคิ้วระดับปานกลางถึงมากในผู้ใหญ่ในปีค.ศ.2002 ปัจจุบันมีการใช้ โบท็อก (Botox) กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งเราขะเห็นได้ว่าโบท็อก (Botox)ไม่ใช่สารใหม่แต่เป็นสารที่ใช้กันมายาวนาน มีความปลอดภัยหากอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

กลัวฉีดแล้วหน้าเบี้ยว หรือ หน้าแข็ง ยิ้มไม่ได้ และทำอย่างไรจึงฉีดแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ

การฉีดโบท็อก (Botox)ให้ได้ผลดี ดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง หน้าไม่เบี้ยว ควรฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์

 

ที่PIYAWAT CLINIC

  • แพทย์จะทำการประเมินปริมาณโบท็อก (Botox)จากปัญหาจริงของท่านว่าจำเป็นต้องใช้ในปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม ดูเป็นธรรมชาติ
  • สิ่งสำคัญที่สุดคือเทคนิกการฉีด ที่PIYAWAT CLINICแพทย์จะประเมินจุดที่ต้องฉีดโดยระหว่างการฉีดแพทย์จะบอกให้ท่านแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม ยักคิ้ว เพื่อดูการคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและริ้วรอยจริง
  • ใครๆก็สามารถฉีดโบท็อก (Botox)ได้ แต่การฉีดโบท็อก (Botox)ให้ได้ผลดีและสวยอย่างเป็นธรรมชาติต้องอาศัยความชำนาญและประสบการของแพทย์ คนไข้ที่ได้รับการฉีดโบท็อก (Botox)ที่PIYAWAT CLINIC จึงรู้สึกได้ถึงความแต่ต่างและไม่อยากกลับไปฉีดวิธีเดิมๆอีกเลย
  • ทั้งนี้แพทย์ที่PIYAWAT CLINIC ทุกคนเป็นแพทย์ที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านผิวหนังจากโรงเรียนแพทย์ชั้นนำ
  • ที่PIYAWAT CLINIC เราใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ボトックス: 自然な見た目を実現する安全なもの

Article by Dr.Piyawat POOMSUWAN  Dr.Tiwanan PROMVARANON
English and Thai

Botulinum Toxin(ボツリヌストキシン、略してボトックス)は広く使用されていますが、多くの人がまだボトックスによるシワ治療に対して懸念を持っているのも事実です。その懸念は主に以下の2点です。

1) ボトックスは本当に安全か?

2) 合併症も無く顔が歪んだり硬くなったり、笑顔ができなくなったりせず、自然な見た目になるか?

 

ボトックスは安全か?

ボトックスは1989年に米国食品医薬品局(FDA)に治療用途に承認され、また2002年には成人の中重度シワの審美治療に承認されました。現在では世界中で使用されています。つまり、ボトックスは新しい物質ではなく古くから長期にわたって使用されてきたものです。経験豊富な医師の監督もとで使用される場合は安全です。

 

合併症も無く自然な見た目になるか?

顔が歪んだり硬くなったりせず、自然な見た目になるように効果的かつ、安全にボトックを受けるには、経験豊富な熟練の専門医による注射がお勧めです。

 

ピヤワットクリニックならではのボトックス治療

– 医師があなたのお肌の問題を診察の上、お肌を自然に美しくするための適量なボトックスの量を判断します。

– ボトックス治療の中で最も重要なのが注射技術です。当クリニックでは、医師が患者の笑顔や眉上げ下げなどの様々な表情における筋肉の動きを診て最適な注射位置を特定します。

– 高度なボトックス注射のスキルを持たない人でもボトックス注射を行うことはできますが、自然的な美しさと優れた効果を実現するには、医師の熟練さと経験が欠かせません。熟練した経験豊富な医師による当クリニックのボトックス注射は、一般的な方法との効果の違いが明らであり、一度その違いを実感したら一般的な方法に戻ることはないと患者さんから高い評判をいただいています。

– 当クリニックのボトックス注射は他と比べてより時間をかけて丁寧に行われるテクニックです。そのため、一回当たりの医療費は少し高めになりますが、より少ない回数で効果を発揮できるテクニックのため、総合的には割安になります。

– 当クリニックの医師は皆、一流医科大学での皮膚科の研修を経ています。

– 当クリニックでは、米国食品医薬品局(FDA)に承認された医薬品のみを使用しています。

Hair Loss ผมร่วง ผมบาง

English: scroll down 
บทความโดย นพ.ปิยะวัฒน์ ภูมิสุวรรณ Article by DR.PIYAWAT POOMSUWAN

มากกว่า 70% ของผู้ชายและ 40%ของผู้หญิง จะมีปัญหาผมร่วงผมบาง โดยปัญหาจะพบต่างๆกันไป เช่น

  • ผมร่วงผมบางจากพันธุกรรม
  • ผมร่วงผมบางหลังจากการคลอดลูก หรือ ให้นมบุตร
  • ผมบางในผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี
  • ผมบางในผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี
  • ผมบางในผู้มีปัญหาสุขภาพ เช่น นอนไม่หลับ ความเครียด โรคระบบทางภูมิคุ้มกัน(เช่น SLE, Rheumatiod)

ข้อควรรู้ในการรักษา

  1. ปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่จะรักษาให้หายขาดเนื่องจากมีสาเหตุมาจากภายใน แม้ว่าเราสามารถรักษาให้เส้นผมกลับมาหนาดูดีได้ ดังนั้นหลังจากเส้นผมขึ้นดีแล้วยังต้องดูแลรักษาต่อเนื่องต่อไปโดยระยะเวลาการพบแพทย์จะห่างขึ้น
  2. เนื่องจากเนื่องจากมีสาเหตุมาจากภายใน จึงควรดูแลสุขภาพร่วมด้วย เช่น การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

วิธีการรักษา

มีวิธีการรักษาผมร่วงผมบางมากมายหลายอย่าง ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาเส้นผม การกินยา เลเซอร์ การฉายแสง การปลูกผมและอื่นๆอีกมากมาย แต่การรักษาส่วนใหญ่ยังไม่ได้ผลเป็นที่พอใจเท่าที่ควร รวมถึงผลข้างเคียงที่ตามมาจากการรักษา เช่น ผื่นแพ้ที่ศีรษะ ขนขึ้นบริเวณที่ไม่ต้องการ การเสื่อสมรรถภาพทางเพศ และ อื่นๆ   ผู้คนจึงยังคนหาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ได้ผลดี ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน

ที่ Piyawat Clinic เนื่องจากคุณหมอเคยประสบปัญหาผมร่วงผมบางกับตัวเองมาก่อน คุณหมอจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และวิธี รักษา ที่ใช้รักษาตัวหมอเองได้ผลที่ดีและไม่เจ็บ

  • เมโสเธอราปี(Mesotherapy)เป็นการรักษาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเรา เป็นเทคนิคที่ใช้เข็มเล็กๆสะกิดที่หนังศีรษะ(ไม่ใช่การฉีด ไม่เจ็บ) เพื่อส่งผ่านยาเข้าไปกระตุ้นรากผมและฟื้นฟูหนังศีรษะ ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่เจ็บ และใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ทำทุก 1-2 สัปดาห์ เมื่อผมขึ้นดีแล้วค่อยๆทำห่างขึ้น
  • เลเซอร์กระตุ้นรากผม(Fractional Laser) จะเป็นการรักษาเสริมจากเมโสเธอราปี(Mesotherapy) แพทย์จะยิงเลเซอร์ทั่วบริเวณที่มีปัญหาเส้นผม เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นรากผมให้ฟื้นตัว และยังช่วยให้ยาเมโสเธอราปี(Mesotherapy)ซึมลงสู่รากผมและหนังศีรษะได้ดีขึ้น โดยเลเซอร์จะทำทุก 2 สัปดาห์
  • สมุนไพรบำรุงร่างกายBlood Tonic เป็นตำรับยาสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งจะทำให้เส้นผมโตเร็วขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์ใช้ที่บ้าน เป็นโลชั่นสำหรับใช้ทุกวัน ช่วยบำรุงรากผมและหนังศีรษะ
  • การตรวจวิเคราะห์เส้นผมด้วยเครื่องดิจิตอลไมโครโสคป คนไข้ทุกคนจะได้รับการตรวจวิเคราะห์เส้นผมด้วยเครื่องดิจิตอลไมโครโสคป และจะได้เห็นสภาพเส้นผมและหนังศีรษะไปพร้อมๆกับแพทย์

ผลการรักษา คนไข้ส่วนใหญ่จะสามารถตรวจพบเส้นผมเล็กๆขึ้นใหม่ด้วยกล้องไมโครโสคปได้ภายในการรักษา 4ครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ นัดปรึกษาแพทย์

 

Hair loss affects more than 70% of male and 40% of female at some time in their lives. The common problems are

  • Hair loss for genetics (Androgenetic alopecia)
  • Hair loss after childbirth or breastfeeding.
  • Thinning hair in women over 35 years old.
  • Thinning hair in men over 40 years old
  • Hair loss in people with underlying health problems such as insomnia, stress, autoimmune disease (SLE, Rheumatoid)

Important points we should know about hair loss treatment

  1. Currently there is no way to cure hair loss because it is caused by internal factors. Therefore, after the hair grows well, you still need to continue to take care of it. The length of time to see a doctor and get treatment will be longer.
  2. Because hair loss is caused by internal factors, therefore you should take care of your health as well, such as getting enough sleep.

How to treat

There are many treatments for hair loss and thinning hair including the use of hair products, oral medication, laser, LED, hair transplantation, etc. But most treatments are not effective enough. Also, there are side effects such as allergic rash on scalp caused by products, hair growing in unwanted areas, sexual dysfunction, etc. Therefore, people are still searching for effective treatments that yield good results, safe, without pain or suffering.

 

At Piyawat Clinic, the doctor had faced hair loss and thinning hair in the past. Therefore, the doctor has developed products and treatments that are used to treat himself with good results and no pain.

  • Mesotherapy is our signature treatment for hair loss. This technique help deliver special growth factor solution in to scalp and hair root. The advantage of this method is that it doesn’t hurt at all and takes only 10-15 It should be done every 1-2 weeks.
  • Fractional hair laser is additional treatment for mesotherapy. It helps stimulate hair follicle and help improve mesotherapy solution penetrate into the hair roots and scalp. The laser will be done every 2
  • Blood Tonic is 100% herbal medicine help improve blood circulation and hair regrowth
  • Hair lotions are home-used products help improve scalp condition and stimulate hair regrowth.
  • Digital microscope hair analysis will be done by doctor to investigate and analyze scalp and hair problem. During the process, patient can see your hair and scalp real time with doctor.

 

Treatment results

Most patients will be able to detect tiny new hair by microscope within 4 treatment sessions.

Make an appointment to consult a doctor or Ask for more information

Hair Loss 薄毛の原因と治療法について

 

薄毛は男性に70%女性に40%に起こると言われています。
【主な原因】
•遺伝的なもの
•出産後によるもの
•髪の毛が加齢が原因で細くなる(男性は40歳以上女性は35歳以上)
•不眠症、ストレス、自己免疫疾患などの健康状態


薄毛治療で大切なポイント

1. 現状、薄毛症状は内的要因が原因とされている為、“治す”という方法はありません。その為、育毛が効果的だった場合、それを継続する必要があります。期間についてはドクターとの診断が重要になります。

2.薄毛症状は内的要因が主な原因なので、十分な睡眠や健康維持が非常に大切です。


【治療の種類】

薄毛治療には“抜け毛”“髪の毛の細さ”などに適した薄毛用の商品、薬、レーザー、LEDや植毛など色々な方法があります。しかしながら、ほとんどの治療は満足な結果を得ることが出来ません。そして、アレルギー、頭皮の痒み、生えて欲しくない箇所が増毛、性機能障害などの副作用が起こります。その為、沢山の方が効果の高い、安全、痛みが少ないなどの治療を探し続ける結果となっています。

【ピヤワットクリニックの薄毛治療について】

ピヤワットクリニックではドクター自身が薄毛に悩んだ時期がありました。その為ドクターが自分自身で使用し、満足な結果を得られる痛みのないトリートメントをプロデュースしました。

•メソセラピーは当院で代表的な薄毛トリートメントです。このトリートメントは当院のオリジナルの育毛剤を頭皮に散布します。この方法は痛みもなく、たった10-15分で終わります。大体1-2週間毎に行うことをお勧めしています。

•フラクショナルヘアーレーザーはメソセラピーに追加するトリートメントです。育毛レーザーは毛母細胞の活性化や、育毛剤(当院ではメソヘアエッセンス)の浸透を助けます。このレーザーは2週間毎をお勧めしています。

・ブラットトニックは100%天然ハーブ原料でできた、漢方サプリメントです。血液の質および血液循環を改善し、髪再生を促します。

•当院のヘアローションは頭皮状態を良くし、髪再生を促します。

•マイクロスコープでの髪診断はドクターによる髪診断です。より詳しく頭皮や髪の状態を一緒に見ることで詳しく自分の髪について知ることが出来ます。


【トリートメントの経過】
ほとんどの方が約4回程のトリートメントで新しく生えた髪の様子がマイクロスコープでの髪診断でみることが出来ます。

Something You have to know before getting HIFU or ULTHERA

Written by DR.PIYAWAT POOMSUWAN DR.TIWANANPROMVARANON
HIFU ULTHERA
HIFU ULTHERA

♦ What is HIFU and ULTHERA?
      HIFU and ULTHERA are lifing treatment. They use focus ultrasound to stimulate skin deeply.

 


♦ How do they work?
      HIFU and ULTHERA use tiny dots of focus ultrasound to stimulate the skin to heal and regenerate new collagen fiber.

♦ Are HIFU and ULTHERA the same?
     No, they are not same. ULTHERA is original focus ultrasound for lifting approved by US FDA. It comes with ultrasonic scaner which doctor can see under skin all the time of treatment. Doctor can select optimal point and depth for threatment to get the best result.

♦ What factor effect treatment result?
      1. Machine model:
          There are different types of HIFU which have different efficacy. New model HIFU will hurt less or no pain, but get better lifing effect.
For ULTHERA, new machine and new Technique will hert less.

        2. Doctor’s skill
            For HIFU and ULTHERA, doctor’s skill affects the result of treatment. Using the same machine by 2 doctors will get different result.

        3. Skin Quality
            HIFU and ULTHERA work by stimulating skin to heal and rejuvenate itself. As we know older person or bad skin quality has less and slower wound healing. So vitamin and stem cell treatment will help improve treatment result. Natural supplement which help improve blood circulation and collagen synthesis will help improve treatment result that is more lifting and better skin quality improvement.

♦ How Long do HIFU and ULTHERA Lifting effect Last?
      In the theory, HIFU lifting effect will last for 6-9 months. ULTHERA lifting effect will last for 1 year. But in practice HIFU will last for 3-4 months and ULTHERA will last for 6-9 months depended on skin quality and life style.

♦ What should we care after HIFU or ULTHERA?
      Although HIFU and ULTHERA last for several months, regular treatments are recommended. Such as Laser to improve pigment and fine line on superfecial skin, Lifting treatment combinded with stemcell to stimulate more collagen and lifting effect.

♦ When should we start?
      As mention above, skin quality affect lifting result. So we should treat sagging skin as soon as we can. With less sagging, we will get more lifting effect and last longer.
Try consulting experience doctor is the 1st step to start !!!

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ HIFU หรือ ULTHERA

บทความโดย นพ.ปิยะวัฒน์ ภูมิสุวรรณ พญ.ทิวานันท์ พรหมวรานนท์
HIFU ULTHERA
HIFU ULTHERA
English: Scroll down

♦HIFU และ ULTHERA คืออะไร
     HIFU และ ULTHERA คือ เครื่องมือที่ปล่อยคลื่น ultrasound แบบแม่นยำ (focus ultrasound) ลงสู่เนื้อเยื่อในผิวหนังชั้นลึก เพื่อยกกระชับผิว


♦มีกลไกการทำงานอย่างไร
    HIFU และULTHERA จะปล่อยคลื่น focus ultrasound จุดเล็กๆ เพื่อกระตุ้นผิวหนังให้เกิดการซ่อมแซมและการสร้างเส้นใย collagen ขึ้นใหม่

♦HIFU และ ULTHERA เหมือนกันหรือไม่
    ไม่เหมือนกัน โดย ULTHERA เป็นเครื่องยกกระชับผิวโดยใช้ focus ultrasound เป็นเครื่องต้นฉบับที่ได้รับการรับรองจาก อย.ของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ซึ่ง ULTHERA จะมีหน้าจอที่ทำให้แพทย์ผู้ทำการรักษาสามารถเห็นความลึกของเนื้อเยื่อในชั้นใต้ผิวหนังได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเลือกใช้ตำแหน่งและระดับความลึกของการปล่อยพลังงานได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดผลการรักษาที่ดีที่สุด

♦ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อผลการรักษา
    1.เครื่องมือที่ใช้
       HIFU จะมีหลายยี่ห้อ หลายเกรด ซึ่งเครื่อง HIFU แต่ละแบบจะมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวแตกต่างกันไป รุ่นใหม่ๆก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น รวมถึงการลดลงของความเจ็บระหว่างทำการรักษา เช่นเดียวกับ ULTHERA เครื่องและเทคนิกการรักษาแบบใหม่จะช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำลงได้

    2.ความเชี่ยวชาญของแพทย์
       ทั้ง HIFU และ Ulthera ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำการรักษา การใช้เครื่องมือชนิดเดียวกันโดยแพทย์คนละคน อาจได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้

    3.สภาพผิว
       HIFU และ ULTHERA กระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen และเกิดการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนัง ในผิวคนที่อายุมากซึ่งมีคุณภาพไม่ดีและความสามารถในการซ่อมแซมแย่ลง การใช้วิตามินและโกรทแฟคเตอร์ (Growth factor)ร่วมด้วยในการรักษาจะช่วยทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น อาหารเสริมจากที่สกัดจากธรรมชาติที่มีส่วนช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนโลหิตและกระตุ้นการสร้าง collagen จะช่วยให้เกิดการยกกระชับและการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น

♦ผลลัพธ์ในเรื่องการยกกระชับจากการรักษาด้วย HIFU และ Ulthera จะอยู่ได้นานเท่าไหร่
     ตามทฤษฎีแล้วผลลัพธ์จากการทำ HIFU จะอยู่ได้นาน 6-9 เดือน ในขณะที่ Ulthera จะอยู่ได้นาน 1 ปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในทางปฏิบัติ ผลลัพธ์จากการทำ HIFU อยู่ได้นานเพียง 3-4 เดือน และ Ulthera อยู่ได้นาน 6-9 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวและ life styleซึ่งมีผลต่อการเสื่อมของผิวหนังของแต่ละคน

♦ภายหลังการทำ HIFU หรือ ULTHERA ต้องดูแลตนเองอย่างไร
     แม้ว่าผลลัพธ์จากการรักษาด้วย HIFU และ Ulthera จะอยู่ได้นานหลายเดือน แต่ยังคงแนะนำให้มารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำเลเซอร์ที่ช่วยรักษาเม็ดสีและริ้วรอยตื้นๆที่ผิวหนังชั้นบน การรักษาด้วยเครื่องมือที่ช่วยในการยกกระชับผิวร่วมกับโกรทแฟคเตอร์ที่จะช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ดียิ่งขึ้น

♦ควรเริ่มรักษาด้วยHIFU หรือ ULTHERAเมื่อไหร่
    ดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าสภาพผิวมีผลต่อการยกกระชับ ดังนั้นจึงควรรักษาให้เร็วที่สุดที่สามารถทำได้ หากผิวหนังหย่อนคล้อยไม่มากก็จะสามารถยกกระชับผิวได้ดีและผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า

♦เราจะเริ่มอย่างไรดี
    สิ่งแรกที่แนะนำว่าควรทำคือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิวและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

 

♦ What is HIFU and ULTHERA?
      HIFU and ULTHERA are lifing treatment. They use focus ultrasound to stimulate skin deeply.

 


♦ How do they work?
      HIFU and ULTHERA use tiny dots of focus ultrasound to stimulate the skin to heal and regenerate new collagen fiber.

♦ Are HIFU and ULTHERA the same?
     No, they are not same. ULTHERA is original focus ultrasound for lifting approved by US FDA. It comes with ultrasonic scaner which doctor can see under skin all the time of treatment. Doctor can select optimal point and depth for threatment to get the best result.

♦ What factor effect treatment result?
      1. Machine model:
          There are different types of HIFU which have different efficacy. New model HIFU will hurt less or no pain, but get better lifing effect.
For ULTHERA, new machine and new Technique will hert less.

        2. Doctor’s skill
            For HIFU and ULTHERA, doctor’s skill affects the result of treatment. Using the same machine by 2 doctors will get different result.

        3. Skin Quality
            HIFU and ULTHERA work by stimulating skin to heal and rejuvenate itself. As we know older person or bad skin quality has less and slower wound healing. So vitamin and stem cell treatment will help improve treatment result. Natural supplement which help improve blood circulation and collagen synthesis will help improve treatment result that is more lifting and better skin quality improvement.

♦ How Long do HIFU and ULTHERA Lifting effect Last?
      In the theory, HIFU lifting effect will last for 6-9 months. ULTHERA lifting effect will last for 1 year. But in practice HIFU will last for 3-4 months and ULTHERA will last for 6-9 months depended on skin quality and life style.

♦ What should we care after HIFU or ULTHERA?
      Although HIFU and ULTHERA last for several months, regular treatments are recommended. Such as Laser to improve pigment and fine line on superfecial skin, Lifting treatment combinded with stemcell to stimulate more collagen and lifting effect.

♦ When should we start?
      As mention above, skin quality affect lifting result. So we should treat sagging skin as soon as we can. With less sagging, we will get more lifting effect and last longer.
Try consulting experience doctor is the 1st step to start !!!

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับโบท็อก (Botox)

English(scroll down)  日本語

บทความโดย นพ.ปิยะวัฒน์ ภูมิสุวรรณ

พญ. ทิวานันท์ พรหมวรานนท์

“โบทูลินุม ท็อกซิน” (Botulinum toxin)ในที่นี้ขอเรียกสั้นๆว่า โบท็อก (Botox)

โบท็อก (Botox) คือ ยาที่ผลิตขึ้นจากแบคทีเรีย มีฤทธิ์ในการยับยั้งการขยับของกล้ามเนื้อ การใช้โบท็อก(Botox )ในขนาดต่ำสามารถใช้ในการลดริ้วรอยบนใบหน้าและยังสามารถใช้ในการรักษาทางการแพทย์ได้ โดยองค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration; FDA) ได้รับรองการใช้ โบท็อก (Botox) ในการรักษาภาวะต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อตากระตุก ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ และอาการปวดศีรษะไมเกรน

การใช้ โบท็อก (Botox)  ในด้านความงาม

  • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยในบริเวณต่างๆ ได้แก่
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยย่นบริเวณระหว่างหัวคิ้ว หรือรอยขมวดคิ้ว
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยรอบดวงตา ที่เรียกกันว่ารอยตีนกา
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยบริเวณหน้าผาก
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยย่นบริเวณดั้งจมูก ที่เรียกกันว่า bunny line
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดลดรอยบริเวณมุมปาก
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดลดรอยขรุขระบริเวณคาง

ซึ่งจะเห็นผลหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 3-7 วัน และคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน

  • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดขนาดกรามทำให้หน้าเรียวขึ้น เห็นผลหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 1 เดือนครึ่ง และคงอยู่ได้นาน 9-12 เดือน
  • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง เห็นผลหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 1 เดือนครึ่ง และคงอยู่ได้นาน 9-12 เดือน

Botox ในทางการแพทย์

  • การใช้ โบท็อก (Botox) รักษาภาวะเหงื่อออกมาก( Hyperhidrosis) บริเวณรักแร้และบริเวณอื่นๆ ฤทธิ์ในการยับยั้งเหงื่อจะเกิดหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 3-7 วัน และคงอยู่นาน 4-6 เดือน
  • การใช้ โบท็อก (Botox)รักษาและป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน อาการปวดศีรษะฉับพลันดีขึ้นหลังได้รับการรักษา 1-2 ชั่วโมง และสามารถป้องกันอาการปวดศีรษะภายหลังการรักษาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ และคงอยู่นาน 3 เดือน
  • การใช้ โบท็อก (Botox)รักษาภาวะกล้ามเนื้อตากระตุก อาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 3-7 วัน และคงอยู่นาน 4-6 เดือน

Botox ปลอดภัยหรือไม่?

องค์การอาหารและยาได้รับรองการใช้ โบท็อก (Botox)เพื่อการรักษาในปีค.ศ.1989 และได้รับรองการใช้ในด้านความงามสำหรับรอยขมวดคิ้วระดับปานกลางถึงมากในผู้ใหญ่ในปีค.ศ.2002 ปัจจุบันมีการใช้ โบท็อก (Botox) กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีความปลอดภัยหากอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

ควรหลีกเลี่ยง โบท็อก (Botox) เมื่อไหร่?

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรักษาด้วย Botox

 

โบท็อก (Botox)เพียงอย่างเดียวสามารถทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้หรือไม่?

โบท็อก (Botox)สามารถช่วยเพียงแค่ลดริ้วรอยจากการคลายกล้ามเนื้อ ดังนั้นการรักษาอื่นๆยังคงมีความจำเป็นเพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ยกกระชับในส่วนที่หย่อนคล้อย หรือการใช้สารเติมเต็มในบริเวณร่องต่างๆแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

Basic knowledge of Botox

Botox is a drug made from bacteria that temporarily prevent a muscle from moving. In small doses, it can reduce skin wrinkles and help treat some medical conditions. Also, the Food and Drug Administration (FDA) have approved it as a treatment for various health issues, including eyelid spasms, excessive sweating, and migraine.

 

Botox for cosmetics

  • Wrinkles: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
    • between the eyebrows, called frown lines
    • around the eyes, known as crow’s feet
    • creases in the forehead
    • crease on nose, known as bunny line
  • Lines at the corners of the mouth: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
  • “Cobblestone” skin on the chin: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
  • Facial slimming: the improvement appeared in 5 month and last for 9-12 months
  • Calf slimming: the improvement appeared in 1.5 month and last for 9-12 months

 

Botox for medical purpose

  • Underarm sweating, or hyperhidrosis: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
  • Preventing migraine in people whose migraine headaches: the acute headache improvement appeared in 1-2 hours. Headache prevention appeared in 2-3 weeks and last for 3 months.
  • Eyelid spasms: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months

Is it safe?

Botox has been approved by FDA for therapeutic use in 1989. In2002, the FDA approved BOTOX® as a aesthetic treatment for moderate to severe frown lines in adults. Now it is worldwide used. The overall risk is minimal, and Botox is considered safe overall. The key aspect of Botox injection is relatively safe when performed by an experienced doctor.

When should avoid?

People should avoid using Botox during pregnancy or breastfeeding

 

Is Botox enough to make you look young?

Botox help improve wrinkle by relaxing muscles. You also need other treatments to improve your skin quality such as lifting the sagging skin or filling some volume loss area. Consult experienced doctor for treatment plan that is suitable for your skin condition.

ボトックスの基本知識 (BOTOX)

Thai English

ボトックスの基本知識

【ボトックス】とは一時的に筋肉の動きを鈍くするバクテリアから作られた薬です。少量で、表情シワを少なくし、いくつかの病状を治療することができます。

また、食品医薬品局(以下FDA)は、まぶたの痙攣、過度の発汗、片頭痛など、さまざまな健康問題の治療薬として承認しています。

 

美容目的で使用されるボトックスの作用

シワ:改善は3〜7日で現れ、4〜6か月続きます

   o眉間のシワ

   o目尻のシワ(英語では「カラスの足」と呼ばれています)

   o額のシワ

   o「バニーライン」と呼ばれている鼻の横シワ

 

    * •     口周りのシワ(法令線、上口唇など):改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

    * •     あごの梅干しじわ:改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

    * •     エラの張り(小顔):改善は1〜1.5ヶ月で現れ、9〜12ヶ月続きます。

    * •     ふくらはぎの痩身:改善は1〜1.5ヶ月で現れ、9〜12ヶ月続きます。

 

治療の一環として使用されるボトックスの作用

    * •     脇の下などの多汗症:改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

    * •     片頭痛持ちの方の症状緩和:改善は1〜2時間で現れ、頭痛予防としては2〜3週間で実感し、3か月続きます。

    * •     まぶたの痙攣:改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

 

ボトックスの安全性

ボトックスは1989年にFDAによって治療的使用が承認されました。2002年には、FDAは成人の中等度から重度の眉間のしわへの美容治療の一環としてBOTOX®を承認しました。全体的なリスクは最小限であり、ボトックスは全体的に安全であると考えられています。ボトックス注射をする上で重要な事は、経験豊富な医師が行う事で施術をすることです。

 

ボトックスを避けるべき時期

妊娠中と授乳中はボトックス注射は出来ません。

 

ボトックス注射だけで若返り効果は得られるのか?

ボトックスは筋肉の動きを鈍くさせることでしわを改善するのに役立ちます。しかしながら顔全体のアンチエイジングにはたるみや頬のこけ、肌質の改善などの治療が必要となります。お肌の状態に合った治療計画については、経験豊富な医師にご相談ください。

การรักษาผิวหย่อนคล้อยและเม็ดสี กระฝ้า

日本語
English (scroll down)

Sagging and Pigment

ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและปัญหาเม็ดสี กระ ฝ้า เป็นปัญหาหลักที่คนมักจะเข้ามาปรึกษาแพทย์ วันนี้เราจะมาแนะนำการรักษาที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวตั้งแต่ครั้งแรก

“Double Age Lock+Q switch Laser” เป็นการผสมผสานการรักษาที่สามารถยกกระชับผิวไป ลดริ้วรอยพร้อมกับการทำให้ผิวผ่อง หน้าใส ลดรอยดำ กระ ฝ้า ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก 3 ขั้นตอน

  • ขั้นตอนที่ 1 Double lift เป็นการยกกระชับผิวด้วย2พลังงาน ซึ่งประกอบด้วย คลื่นวิทยุหลายขั้ว(Multipolar Radiofrequency) และ การกระตุ้นด้วยแรงกล( Mechanical Stimulation) พลังงานทั้งสองจะทำงานร่วมกันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนซึ่งจะช่วยเสริมกันในการยกกระชับผิวให้คงความอ่อนเยาว์
  • ขั้นตอนที่ 2 เป็นการใช้ Q switch ND:YAG Laser รุ่นใหม่ที่ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ทำการรักษาผิวโดยมีขั้นตอนย่อย อีก 3ขั้นตอน คือ
    • เลเซอร์ฟื้นผิว (Laser Toning) เป็นการใช้เลเซอร์ฟื้นฟูผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวรียบเนียน
    • เลเซอร์ลึก (Deep laser )เพื่อรักษารอยดำ กระ ฝ้า และกระชับรูขุมขน
    • เลเซอร์เฉพาะจุด (Focus laser) เพื่อรักษารอยดำตื้น หรือ ขี้แมลงวัน
  • ขั้นตอนที่ 3 Double treatment เป็นขั้นตอนการผลักวิตามินและสเต็มเปปไทด์ช่วยให้เซลผิวทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้ผิวผ่องเนียน วิตามินและสเต็มเปปไทด์เป็นโกรทแฟ็คเตอร์ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน

 

การรักษานี้สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี แพทย์แนะนำให้ทำทุก 2-4 สัปดาห์

 

Treatment for Sagging and Pigment Freckles Melasma

Sagging and Pigment Freckles Melasma are the main problem that people often come to consult a doctor. Today we will introduce a popular treatment. You can see the change of the skin from the first treatment.

“Double Age Lock+Q switch Laser” is a combination of treatments that can lift and tighten the skin, reduce wrinkles, and make the skin look bright, reduce dark spots, freckles, melasma, blemishes. It consists of 3 main steps.

  • The 1st Step: “Double lift” is treatment with Multi-polar RF and Mechanical stimulation. The combination of 2 energy will improve blood circulation and stimulate new collagen synthesis then have synergistic effect to lift up the skin and maintain youthfulness.
  • The 2nd Step: “Q switch Laser” Newest model, USFDA approved Qswitch Laser is used to treat the skin in 3 steps.
    • Laser Toning help improve skin quality, stimulate the production of collagen and smoothen skin.
    • Deep Laser help improve blemish, freckles, melasma and reduce pore size.
    • Focus laser help improve superficial pigment and flat mole.
  • The 3rd Step: “Ultra deep” is treatment by nourishing Vitamin and Stem solution into the skin helps improve and brighten the skin. Vitamin and Stem solution work as growth factor to enhance collagen production.

We can see the change of the skin from the first time and more results in the next treatment. For the Best result, doctors recommend getting the treatment every 2-4 weeks