Hair Loss ผมร่วง ผมบาง

English: scroll down 
บทความโดย นพ.ปิยะวัฒน์ ภูมิสุวรรณ Article by DR.PIYAWAT POOMSUWAN

มากกว่า 70% ของผู้ชายและ 40%ของผู้หญิง จะมีปัญหาผมร่วงผมบาง โดยปัญหาจะพบต่างๆกันไป เช่น

  • ผมร่วงผมบางจากพันธุกรรม
  • ผมร่วงผมบางหลังจากการคลอดลูก หรือ ให้นมบุตร
  • ผมบางในผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี
  • ผมบางในผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี
  • ผมบางในผู้มีปัญหาสุขภาพ เช่น นอนไม่หลับ ความเครียด โรคระบบทางภูมิคุ้มกัน(เช่น SLE, Rheumatiod)

ข้อควรรู้ในการรักษา

  1. ปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่จะรักษาให้หายขาดเนื่องจากมีสาเหตุมาจากภายใน แม้ว่าเราสามารถรักษาให้เส้นผมกลับมาหนาดูดีได้ ดังนั้นหลังจากเส้นผมขึ้นดีแล้วยังต้องดูแลรักษาต่อเนื่องต่อไปโดยระยะเวลาการพบแพทย์จะห่างขึ้น
  2. เนื่องจากเนื่องจากมีสาเหตุมาจากภายใน จึงควรดูแลสุขภาพร่วมด้วย เช่น การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

วิธีการรักษา

มีวิธีการรักษาผมร่วงผมบางมากมายหลายอย่าง ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาเส้นผม การกินยา เลเซอร์ การฉายแสง การปลูกผมและอื่นๆอีกมากมาย แต่การรักษาส่วนใหญ่ยังไม่ได้ผลเป็นที่พอใจเท่าที่ควร รวมถึงผลข้างเคียงที่ตามมาจากการรักษา เช่น ผื่นแพ้ที่ศีรษะ ขนขึ้นบริเวณที่ไม่ต้องการ การเสื่อสมรรถภาพทางเพศ และ อื่นๆ   ผู้คนจึงยังคนหาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ได้ผลดี ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน

ที่ Piyawat Clinic เนื่องจากคุณหมอเคยประสบปัญหาผมร่วงผมบางกับตัวเองมาก่อน คุณหมอจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และวิธี รักษา ที่ใช้รักษาตัวหมอเองได้ผลที่ดีและไม่เจ็บ

  • เมโสเธอราปี(Mesotherapy)เป็นการรักษาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเรา เป็นเทคนิคที่ใช้เข็มเล็กๆสะกิดที่หนังศีรษะ(ไม่ใช่การฉีด ไม่เจ็บ) เพื่อส่งผ่านยาเข้าไปกระตุ้นรากผมและฟื้นฟูหนังศีรษะ ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่เจ็บ และใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ทำทุก 1-2 สัปดาห์ เมื่อผมขึ้นดีแล้วค่อยๆทำห่างขึ้น
  • เลเซอร์กระตุ้นรากผม(Fractional Laser) จะเป็นการรักษาเสริมจากเมโสเธอราปี(Mesotherapy) แพทย์จะยิงเลเซอร์ทั่วบริเวณที่มีปัญหาเส้นผม เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นรากผมให้ฟื้นตัว และยังช่วยให้ยาเมโสเธอราปี(Mesotherapy)ซึมลงสู่รากผมและหนังศีรษะได้ดีขึ้น โดยเลเซอร์จะทำทุก 2 สัปดาห์
  • สมุนไพรบำรุงร่างกายBlood Tonic เป็นตำรับยาสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งจะทำให้เส้นผมโตเร็วขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์ใช้ที่บ้าน เป็นโลชั่นสำหรับใช้ทุกวัน ช่วยบำรุงรากผมและหนังศีรษะ
  • การตรวจวิเคราะห์เส้นผมด้วยเครื่องดิจิตอลไมโครโสคป คนไข้ทุกคนจะได้รับการตรวจวิเคราะห์เส้นผมด้วยเครื่องดิจิตอลไมโครโสคป และจะได้เห็นสภาพเส้นผมและหนังศีรษะไปพร้อมๆกับแพทย์

ผลการรักษา คนไข้ส่วนใหญ่จะสามารถตรวจพบเส้นผมเล็กๆขึ้นใหม่ด้วยกล้องไมโครโสคปได้ภายในการรักษา 4ครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ นัดปรึกษาแพทย์

 

Hair loss affects more than 70% of male and 40% of female at some time in their lives. The common problems are

  • Hair loss for genetics (Androgenetic alopecia)
  • Hair loss after childbirth or breastfeeding.
  • Thinning hair in women over 35 years old.
  • Thinning hair in men over 40 years old
  • Hair loss in people with underlying health problems such as insomnia, stress, autoimmune disease (SLE, Rheumatoid)

Important points we should know about hair loss treatment

  1. Currently there is no way to cure hair loss because it is caused by internal factors. Therefore, after the hair grows well, you still need to continue to take care of it. The length of time to see a doctor and get treatment will be longer.
  2. Because hair loss is caused by internal factors, therefore you should take care of your health as well, such as getting enough sleep.

How to treat

There are many treatments for hair loss and thinning hair including the use of hair products, oral medication, laser, LED, hair transplantation, etc. But most treatments are not effective enough. Also, there are side effects such as allergic rash on scalp caused by products, hair growing in unwanted areas, sexual dysfunction, etc. Therefore, people are still searching for effective treatments that yield good results, safe, without pain or suffering.

 

At Piyawat Clinic, the doctor had faced hair loss and thinning hair in the past. Therefore, the doctor has developed products and treatments that are used to treat himself with good results and no pain.

  • Mesotherapy is our signature treatment for hair loss. This technique help deliver special growth factor solution in to scalp and hair root. The advantage of this method is that it doesn’t hurt at all and takes only 10-15 It should be done every 1-2 weeks.
  • Fractional hair laser is additional treatment for mesotherapy. It helps stimulate hair follicle and help improve mesotherapy solution penetrate into the hair roots and scalp. The laser will be done every 2
  • Blood Tonic is 100% herbal medicine help improve blood circulation and hair regrowth
  • Hair lotions are home-used products help improve scalp condition and stimulate hair regrowth.
  • Digital microscope hair analysis will be done by doctor to investigate and analyze scalp and hair problem. During the process, patient can see your hair and scalp real time with doctor.

 

Treatment results

Most patients will be able to detect tiny new hair by microscope within 4 treatment sessions.

Make an appointment to consult a doctor or Ask for more information

Something You have to know before getting HIFU or ULTHERA

Written by DR.PIYAWAT POOMSUWAN DR.TIWANANPROMVARANON
HIFU ULTHERA
HIFU ULTHERA

♦ What is HIFU and ULTHERA?
      HIFU and ULTHERA are lifing treatment. They use focus ultrasound to stimulate skin deeply.

 


♦ How do they work?
      HIFU and ULTHERA use tiny dots of focus ultrasound to stimulate the skin to heal and regenerate new collagen fiber.

♦ Are HIFU and ULTHERA the same?
     No, they are not same. ULTHERA is original focus ultrasound for lifting approved by US FDA. It comes with ultrasonic scaner which doctor can see under skin all the time of treatment. Doctor can select optimal point and depth for threatment to get the best result.

♦ What factor effect treatment result?
      1. Machine model:
          There are different types of HIFU which have different efficacy. New model HIFU will hurt less or no pain, but get better lifing effect.
For ULTHERA, new machine and new Technique will hert less.

        2. Doctor’s skill
            For HIFU and ULTHERA, doctor’s skill affects the result of treatment. Using the same machine by 2 doctors will get different result.

        3. Skin Quality
            HIFU and ULTHERA work by stimulating skin to heal and rejuvenate itself. As we know older person or bad skin quality has less and slower wound healing. So vitamin and stem cell treatment will help improve treatment result. Natural supplement which help improve blood circulation and collagen synthesis will help improve treatment result that is more lifting and better skin quality improvement.

♦ How Long do HIFU and ULTHERA Lifting effect Last?
      In the theory, HIFU lifting effect will last for 6-9 months. ULTHERA lifting effect will last for 1 year. But in practice HIFU will last for 3-4 months and ULTHERA will last for 6-9 months depended on skin quality and life style.

♦ What should we care after HIFU or ULTHERA?
      Although HIFU and ULTHERA last for several months, regular treatments are recommended. Such as Laser to improve pigment and fine line on superfecial skin, Lifting treatment combinded with stemcell to stimulate more collagen and lifting effect.

♦ When should we start?
      As mention above, skin quality affect lifting result. So we should treat sagging skin as soon as we can. With less sagging, we will get more lifting effect and last longer.
Try consulting experience doctor is the 1st step to start !!!

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ HIFU หรือ ULTHERA

บทความโดย นพ.ปิยะวัฒน์ ภูมิสุวรรณ พญ.ทิวานันท์ พรหมวรานนท์
HIFU ULTHERA
HIFU ULTHERA
English: Scroll down

♦HIFU และ ULTHERA คืออะไร
     HIFU และ ULTHERA คือ เครื่องมือที่ปล่อยคลื่น ultrasound แบบแม่นยำ (focus ultrasound) ลงสู่เนื้อเยื่อในผิวหนังชั้นลึก เพื่อยกกระชับผิว


♦มีกลไกการทำงานอย่างไร
    HIFU และULTHERA จะปล่อยคลื่น focus ultrasound จุดเล็กๆ เพื่อกระตุ้นผิวหนังให้เกิดการซ่อมแซมและการสร้างเส้นใย collagen ขึ้นใหม่

♦HIFU และ ULTHERA เหมือนกันหรือไม่
    ไม่เหมือนกัน โดย ULTHERA เป็นเครื่องยกกระชับผิวโดยใช้ focus ultrasound เป็นเครื่องต้นฉบับที่ได้รับการรับรองจาก อย.ของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ซึ่ง ULTHERA จะมีหน้าจอที่ทำให้แพทย์ผู้ทำการรักษาสามารถเห็นความลึกของเนื้อเยื่อในชั้นใต้ผิวหนังได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเลือกใช้ตำแหน่งและระดับความลึกของการปล่อยพลังงานได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดผลการรักษาที่ดีที่สุด

♦ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อผลการรักษา
    1.เครื่องมือที่ใช้
       HIFU จะมีหลายยี่ห้อ หลายเกรด ซึ่งเครื่อง HIFU แต่ละแบบจะมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวแตกต่างกันไป รุ่นใหม่ๆก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น รวมถึงการลดลงของความเจ็บระหว่างทำการรักษา เช่นเดียวกับ ULTHERA เครื่องและเทคนิกการรักษาแบบใหม่จะช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำลงได้

    2.ความเชี่ยวชาญของแพทย์
       ทั้ง HIFU และ Ulthera ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำการรักษา การใช้เครื่องมือชนิดเดียวกันโดยแพทย์คนละคน อาจได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้

    3.สภาพผิว
       HIFU และ ULTHERA กระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen และเกิดการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนัง ในผิวคนที่อายุมากซึ่งมีคุณภาพไม่ดีและความสามารถในการซ่อมแซมแย่ลง การใช้วิตามินและโกรทแฟคเตอร์ (Growth factor)ร่วมด้วยในการรักษาจะช่วยทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น อาหารเสริมจากที่สกัดจากธรรมชาติที่มีส่วนช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนโลหิตและกระตุ้นการสร้าง collagen จะช่วยให้เกิดการยกกระชับและการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น

♦ผลลัพธ์ในเรื่องการยกกระชับจากการรักษาด้วย HIFU และ Ulthera จะอยู่ได้นานเท่าไหร่
     ตามทฤษฎีแล้วผลลัพธ์จากการทำ HIFU จะอยู่ได้นาน 6-9 เดือน ในขณะที่ Ulthera จะอยู่ได้นาน 1 ปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในทางปฏิบัติ ผลลัพธ์จากการทำ HIFU อยู่ได้นานเพียง 3-4 เดือน และ Ulthera อยู่ได้นาน 6-9 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวและ life styleซึ่งมีผลต่อการเสื่อมของผิวหนังของแต่ละคน

♦ภายหลังการทำ HIFU หรือ ULTHERA ต้องดูแลตนเองอย่างไร
     แม้ว่าผลลัพธ์จากการรักษาด้วย HIFU และ Ulthera จะอยู่ได้นานหลายเดือน แต่ยังคงแนะนำให้มารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำเลเซอร์ที่ช่วยรักษาเม็ดสีและริ้วรอยตื้นๆที่ผิวหนังชั้นบน การรักษาด้วยเครื่องมือที่ช่วยในการยกกระชับผิวร่วมกับโกรทแฟคเตอร์ที่จะช่วยกระตุ้นการสร้าง collagen และให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ดียิ่งขึ้น

♦ควรเริ่มรักษาด้วยHIFU หรือ ULTHERAเมื่อไหร่
    ดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าสภาพผิวมีผลต่อการยกกระชับ ดังนั้นจึงควรรักษาให้เร็วที่สุดที่สามารถทำได้ หากผิวหนังหย่อนคล้อยไม่มากก็จะสามารถยกกระชับผิวได้ดีและผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า

♦เราจะเริ่มอย่างไรดี
    สิ่งแรกที่แนะนำว่าควรทำคือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิวและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

 

♦ What is HIFU and ULTHERA?
      HIFU and ULTHERA are lifing treatment. They use focus ultrasound to stimulate skin deeply.

 


♦ How do they work?
      HIFU and ULTHERA use tiny dots of focus ultrasound to stimulate the skin to heal and regenerate new collagen fiber.

♦ Are HIFU and ULTHERA the same?
     No, they are not same. ULTHERA is original focus ultrasound for lifting approved by US FDA. It comes with ultrasonic scaner which doctor can see under skin all the time of treatment. Doctor can select optimal point and depth for threatment to get the best result.

♦ What factor effect treatment result?
      1. Machine model:
          There are different types of HIFU which have different efficacy. New model HIFU will hurt less or no pain, but get better lifing effect.
For ULTHERA, new machine and new Technique will hert less.

        2. Doctor’s skill
            For HIFU and ULTHERA, doctor’s skill affects the result of treatment. Using the same machine by 2 doctors will get different result.

        3. Skin Quality
            HIFU and ULTHERA work by stimulating skin to heal and rejuvenate itself. As we know older person or bad skin quality has less and slower wound healing. So vitamin and stem cell treatment will help improve treatment result. Natural supplement which help improve blood circulation and collagen synthesis will help improve treatment result that is more lifting and better skin quality improvement.

♦ How Long do HIFU and ULTHERA Lifting effect Last?
      In the theory, HIFU lifting effect will last for 6-9 months. ULTHERA lifting effect will last for 1 year. But in practice HIFU will last for 3-4 months and ULTHERA will last for 6-9 months depended on skin quality and life style.

♦ What should we care after HIFU or ULTHERA?
      Although HIFU and ULTHERA last for several months, regular treatments are recommended. Such as Laser to improve pigment and fine line on superfecial skin, Lifting treatment combinded with stemcell to stimulate more collagen and lifting effect.

♦ When should we start?
      As mention above, skin quality affect lifting result. So we should treat sagging skin as soon as we can. With less sagging, we will get more lifting effect and last longer.
Try consulting experience doctor is the 1st step to start !!!

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับโบท็อก (Botox)

English(scroll down)  日本語

บทความโดย นพ.ปิยะวัฒน์ ภูมิสุวรรณ

พญ. ทิวานันท์ พรหมวรานนท์

“โบทูลินุม ท็อกซิน” (Botulinum toxin)ในที่นี้ขอเรียกสั้นๆว่า โบท็อก (Botox)

โบท็อก (Botox) คือ ยาที่ผลิตขึ้นจากแบคทีเรีย มีฤทธิ์ในการยับยั้งการขยับของกล้ามเนื้อ การใช้โบท็อก(Botox )ในขนาดต่ำสามารถใช้ในการลดริ้วรอยบนใบหน้าและยังสามารถใช้ในการรักษาทางการแพทย์ได้ โดยองค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration; FDA) ได้รับรองการใช้ โบท็อก (Botox) ในการรักษาภาวะต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อตากระตุก ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ และอาการปวดศีรษะไมเกรน

การใช้ โบท็อก (Botox)  ในด้านความงาม

  • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยในบริเวณต่างๆ ได้แก่
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยย่นบริเวณระหว่างหัวคิ้ว หรือรอยขมวดคิ้ว
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยรอบดวงตา ที่เรียกกันว่ารอยตีนกา
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยบริเวณหน้าผาก
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดรอยย่นบริเวณดั้งจมูก ที่เรียกกันว่า bunny line
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดลดรอยบริเวณมุมปาก
    • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดลดรอยขรุขระบริเวณคาง

ซึ่งจะเห็นผลหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 3-7 วัน และคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน

  • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดขนาดกรามทำให้หน้าเรียวขึ้น เห็นผลหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 1 เดือนครึ่ง และคงอยู่ได้นาน 9-12 เดือน
  • การใช้ โบท็อก (Botox) ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง เห็นผลหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 1 เดือนครึ่ง และคงอยู่ได้นาน 9-12 เดือน

Botox ในทางการแพทย์

  • การใช้ โบท็อก (Botox) รักษาภาวะเหงื่อออกมาก( Hyperhidrosis) บริเวณรักแร้และบริเวณอื่นๆ ฤทธิ์ในการยับยั้งเหงื่อจะเกิดหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 3-7 วัน และคงอยู่นาน 4-6 เดือน
  • การใช้ โบท็อก (Botox)รักษาและป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน อาการปวดศีรษะฉับพลันดีขึ้นหลังได้รับการรักษา 1-2 ชั่วโมง และสามารถป้องกันอาการปวดศีรษะภายหลังการรักษาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ และคงอยู่นาน 3 เดือน
  • การใช้ โบท็อก (Botox)รักษาภาวะกล้ามเนื้อตากระตุก อาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 3-7 วัน และคงอยู่นาน 4-6 เดือน

Botox ปลอดภัยหรือไม่?

องค์การอาหารและยาได้รับรองการใช้ โบท็อก (Botox)เพื่อการรักษาในปีค.ศ.1989 และได้รับรองการใช้ในด้านความงามสำหรับรอยขมวดคิ้วระดับปานกลางถึงมากในผู้ใหญ่ในปีค.ศ.2002 ปัจจุบันมีการใช้ โบท็อก (Botox) กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีความปลอดภัยหากอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

ควรหลีกเลี่ยง โบท็อก (Botox) เมื่อไหร่?

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรักษาด้วย Botox

 

โบท็อก (Botox)เพียงอย่างเดียวสามารถทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้หรือไม่?

โบท็อก (Botox)สามารถช่วยเพียงแค่ลดริ้วรอยจากการคลายกล้ามเนื้อ ดังนั้นการรักษาอื่นๆยังคงมีความจำเป็นเพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ยกกระชับในส่วนที่หย่อนคล้อย หรือการใช้สารเติมเต็มในบริเวณร่องต่างๆแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

Basic knowledge of Botox

Botox is a drug made from bacteria that temporarily prevent a muscle from moving. In small doses, it can reduce skin wrinkles and help treat some medical conditions. Also, the Food and Drug Administration (FDA) have approved it as a treatment for various health issues, including eyelid spasms, excessive sweating, and migraine.

 

Botox for cosmetics

  • Wrinkles: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
    • between the eyebrows, called frown lines
    • around the eyes, known as crow’s feet
    • creases in the forehead
    • crease on nose, known as bunny line
  • Lines at the corners of the mouth: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
  • “Cobblestone” skin on the chin: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
  • Facial slimming: the improvement appeared in 5 month and last for 9-12 months
  • Calf slimming: the improvement appeared in 1.5 month and last for 9-12 months

 

Botox for medical purpose

  • Underarm sweating, or hyperhidrosis: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months
  • Preventing migraine in people whose migraine headaches: the acute headache improvement appeared in 1-2 hours. Headache prevention appeared in 2-3 weeks and last for 3 months.
  • Eyelid spasms: the improvement appeared in 3–7 days and last for 4–6 months

Is it safe?

Botox has been approved by FDA for therapeutic use in 1989. In2002, the FDA approved BOTOX® as a aesthetic treatment for moderate to severe frown lines in adults. Now it is worldwide used. The overall risk is minimal, and Botox is considered safe overall. The key aspect of Botox injection is relatively safe when performed by an experienced doctor.

When should avoid?

People should avoid using Botox during pregnancy or breastfeeding

 

Is Botox enough to make you look young?

Botox help improve wrinkle by relaxing muscles. You also need other treatments to improve your skin quality such as lifting the sagging skin or filling some volume loss area. Consult experienced doctor for treatment plan that is suitable for your skin condition.

ボトックスの基本知識 (BOTOX)

Thai English

ボトックスの基本知識

【ボトックス】とは一時的に筋肉の動きを鈍くするバクテリアから作られた薬です。少量で、表情シワを少なくし、いくつかの病状を治療することができます。

また、食品医薬品局(以下FDA)は、まぶたの痙攣、過度の発汗、片頭痛など、さまざまな健康問題の治療薬として承認しています。

 

美容目的で使用されるボトックスの作用

シワ:改善は3〜7日で現れ、4〜6か月続きます

   o眉間のシワ

   o目尻のシワ(英語では「カラスの足」と呼ばれています)

   o額のシワ

   o「バニーライン」と呼ばれている鼻の横シワ

 

    * •     口周りのシワ(法令線、上口唇など):改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

    * •     あごの梅干しじわ:改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

    * •     エラの張り(小顔):改善は1〜1.5ヶ月で現れ、9〜12ヶ月続きます。

    * •     ふくらはぎの痩身:改善は1〜1.5ヶ月で現れ、9〜12ヶ月続きます。

 

治療の一環として使用されるボトックスの作用

    * •     脇の下などの多汗症:改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

    * •     片頭痛持ちの方の症状緩和:改善は1〜2時間で現れ、頭痛予防としては2〜3週間で実感し、3か月続きます。

    * •     まぶたの痙攣:改善は3〜7日で現れ、4〜6ヶ月続きます

 

ボトックスの安全性

ボトックスは1989年にFDAによって治療的使用が承認されました。2002年には、FDAは成人の中等度から重度の眉間のしわへの美容治療の一環としてBOTOX®を承認しました。全体的なリスクは最小限であり、ボトックスは全体的に安全であると考えられています。ボトックス注射をする上で重要な事は、経験豊富な医師が行う事で施術をすることです。

 

ボトックスを避けるべき時期

妊娠中と授乳中はボトックス注射は出来ません。

 

ボトックス注射だけで若返り効果は得られるのか?

ボトックスは筋肉の動きを鈍くさせることでしわを改善するのに役立ちます。しかしながら顔全体のアンチエイジングにはたるみや頬のこけ、肌質の改善などの治療が必要となります。お肌の状態に合った治療計画については、経験豊富な医師にご相談ください。

Male and Female Pattern Hair loss

日本語
English(Scroll down)

โรคผมบางจากพันธุกรรม

โรคผมร่วงและผมบางนั้นมีหลายประเภทซึ่งมีสาเหตุที่แตกต่างกัน โรคผมร่วงและผมบางที่พบบ่อยที่สุดคือ“ ผมบางจากพันธุกรรม” มี 2 ประเภทคือผมบางจากพันธุกรรมที่พบในเพศชายและผมบางจากพันธุกรรมที่พบในเพศหญิง มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นตามวัย แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อหลังเข้าสู่วัยรุ่น โดยปกติเส้นผมร่วงได้ 50 ถึง 100 เส้นต่อวัน ด้วยเส้นผมทั้งหมดประมาณ 100,000 เส้นบนศีรษะ การที่ผมร่วงเล็กน้อยนั้นจึงไม่เป็นที่สังเกตเห็น

สัญญานของโรค

  • ค่อยๆเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
  • ผมร่วงมากขึ้น
  • มีการเปลี่ยนแปลงจากเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ หนาและสีเข้ม (Terminal hair) เป็นเส้นผมที่บางลง สั้นลง (Indeterminate hair)และสุดท้ายกลายเป็นเส้นผมที่สั้น บางและสีอ่อน( Vellus hair)
  • ผลลัพธ์สุดท้ายอาจมีบริเวณที่ศีรษะล้าน แตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคนและโดยทั่วไปมักพบมากที่บริเวณด้านบนของศีรษะ

อาการแสดง

  1. ผมบางแบบพันธุกรรมที่มักพบในเพศชาย

Male pattern hair loss

ผมร่วงมีรูปแบบที่ชัดเจนโดยเริ่มต้นเหนือขมับทั้งสองข้าง เมื่อเวลาผ่านไปแนวเส้นผมจะลดลงจนกลายเป็นรูปร่างลักษณะ “M” และมีผมบางส่วนที่กระหม่อม (ใกล้ด้านบนของศีรษะ) อาการมักจะดำเนินไปจนศีรษะล้านบางส่วนหรือทั้งหมด

2.  ผมบางแบบพันธุกรรมที่มักพบในเพศในเพศหญิง

รูปแบบของผมร่วงในผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชาย ในผู้หญิงผมจะบางลงทั่วศีรษะแต่ไรผมไม่ลดลง อาการผมร่วงจากพันธุกรรมในผู้หญิงมักไม่ค่อยนำไปสู่อาการศีรษะล้านทั้งหมด

สาเหตุ

  1. กรรมพันธุ์ : นักวิจัยสันนิษฐานว่ามียีนหลายตัวที่มีบทบาทในโรคผมบางจากพันธุกรรม
  2. ฮอร์โมน: นักวิจัยได้ตัดสินว่าอาการผมร่วงในรูปแบบนี้เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนแอนโดรเจน ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเป็นสาเหตุสำคัญ
  3. ปัจจัยอื่น ๆ : โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอ้วน ปัญหาโภชนาการ ปัญหาการนอนหลับ ความเครียด

การรักษา

การรักษาผมร่วงทั้งชายและหญิงมีหลายวิธี เช่น โลชั่น ยารับประทาน เลเซอร์ การบำบัดด้วยแสงเป็นต้น แต่ก็ยังไม่มีผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ

ที่Piyawat Clinicเราพัฒนาผลิตภัณฑ์พิเศษและการรักษาผมร่วงของเราเอง การรักษาที่เป็นเอกลักษณ์ของเราคือ “ Mesotherapy” เทคนิคเมโสเทอราพีช่วยนำส่งสารที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมเข้าสู่หนังศีรษะและรากผมโดยไม่เจ็บปวด รู้สึกผ่อนคลายขณะทำการรักษา ทำร่วมกับ “Hair Laser” เพื่อกระตุ้นรากผม ทำให้เห็นผลได้เร็วขึ้น และยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ที่บ้าน ได้แก่ โลชั่นที่ช่วยปรับสภาพหนังศีรษะและกระตุ้นรูขุมขนได้ ในกรณีที่มีอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรงแพทย์อาจสั่งอาหารเสริมสมุนไพร 100% เพื่อให้ผลการรักษาเร็วขึ้น ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ดิจิตอล คุณจึงสามารถดูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของคุณได้พร้อมแพทย์ที่ทำการตรวจรักษา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ นัดปรึกษาแพทย์

There are many types of alopecia, each with a different cause. The most common type of hair loss is “Androgenetic alopecia” which composed of 2 types, male and female pattern hair loss. It is more likely to happen as a person ages but can start at any point after puberty. It is normal to lose between 50 and 100 hairs a day. With about 100,000 hairs on your head, that small loss is not noticeable.

Signs

  • Gradual onset
  • Increased hair shedding
  • Transition in the involved areas from large, thick, pigmented terminal hairs to thinner, shorter, indeterminate hairs and finally to short, wispy, nonpigmented vellus hairs
  • End result can be an area of total denudation; this area varies from patient to patient and is usually most marked at the vertex

Symptom

  1. Male pattern hair loss

Male pattern hair loss

Hair is lost in a well-defined pattern, beginning above both temples. Over time, the hairline recedes to form a characteristic “M” shape. Hair also thins at the crown (near the top of the head), often progressing to partial or complete baldness

  1. Female pattern hair loss

The pattern of hair loss in women differs from male-pattern baldness. In women, the hair becomes thinner all over the head, and the hairline does not recede. Androgenetic alopecia in women rarely leads to total baldness.

Causes

  1. Genetics: researchers suspect that several genes play a role in androgenetic alopecia.
  2. Hormone: researchers have determined that this form of hair loss is related to hormones called androgens. Hormonal imbalance is major cause.
  3. Other factors: coronary heart disease, obesity, nutritional problem, sleep problem, stress.

Treatment

There are many kinds of treatments for male and female pattern hair loss include lotion, oral medicine, laser, light therapy, etc. But there is still no perfect result.

At Piyawat Clinic, we develop our own special products and treatment for hair loss. Our signature treatment is “Mesotherapy”. Mesotherapy technique help deliver special hair growth solution into scalp and hair root without pain. Patient feel very comfortable during the treatment.  And “Hair Laser” will stimulate hair root that help accelerate hair regrowth. The home-used products include lotion that can help improve scalp condition and can stimulate hair follicle. For moderate or severe case, doctor may prescribe 100% herbal supplement for faster treatment result. All patients will be investigated by digital microscope. So you can see your hair and scalp condition in every visit.

Make an appointment to consult a doctor or Ask for more information

About pigment we have to know

There are many kinds of pigments: these are common pigments

  • Melasma
  • Flat mole (Junctional nevus)
  • Solar lentigines
  • Hori

Cause: abnormal function of pigment cell

Factor: External and internal factor

  • External factor: Sun, chemical irritation
  • Internal factor: aging, hormone, medicine

How to care
External care
There are many ways to treat pigment.

  • Pigment Laser is the 1st priority for pigment treatment. How can we choose the pigment laser?
    1. US FDA approved laser is the machine with high standard for safety and effectiveness.
    2. Newest model laser develops for more effectiveness and correcting unwanted complication from old model. The newest model can improve the pigment, skin quality and less complication.
  • Natural Multivitamin Treatment help improving pigment problem and also protecting recurrence. Because chemical irritation can stimulate pigment, so natural multivitamin is more recommended.
  • Fruit acid is a basic treatment for long time. But it helps peeling only superficial skin and then the pigment will come back again.
    • Daily products are important in pigment care because we expose to internal and external factor everyday.
      1. Sunscreen product can protect us from sun light. The sun light can stimulate pigment product and destroy our skin too. We should apply sun screen every day. Sun screen formula that can attach well on skin is highly recommend because it will not dissolve out by sweat.
      2. Natural products are researched and developed to replace chemical substance that may affect our health. There are natural active ingredients scientifically proved to be safe and effective.
      o Vitamin C is an antioxidant help protecting our skin from sun. there are research that Vitamin C can inhibit pigmentation and increase collagen synthesis that improve skin quality.
      o Tomato extract is enriched with vitamins and antioxidant. Researcher found tomato extract can improve skin smoothness, elasticity and abnormal pigmentation.
      o Artocarpus lacucha is an Asian herb. Scientist found its extract has antioxidant and whitening properties. So it can protect our skin from aging process, whiten our skin and improve abnormal pigment.
      o Alpha arbutin is derived from bearberry plant. It can inhibit pigment production.

Internal care

Internal factors can aggravate the pigment, so supplement also help improving health and pigment. Natural supplements are more recommended than chemical ones. There are some natural products that have scientific support to be safe and effective.
Radix Astragalus is an herb that is used worldwide. Scientific researches found Radix Astragalus benefits in many health aspects. It can boost the immune system, protect heart from ischemia, protect kidney from diabetes and promote blood production. More blood production reflects healthy pink skin. Also it proved to increase collagen production, enhance cutaneous would healing process and whiten the skin. The update research found Radix astragalus can lengthen telomere at the end of chromosome. That means it helps protecting aging process.
Radix Angelicae sinensis is a popular herb for tonifying blood and cardiovascular system. Scientific researches found that Blood tonify can help improving hormonal balance that will alleviate perimenopausal symptom and abnormal pigment.
Rhizoma Atractylodes macrocephala is widely use in herbal medicine. There are scientific supports for anti-inflammatory activity which is important point of internal healing.
Radix et Rhizoma Ginseng is an herb that WHO (World Health Organization) data show it can enhance mental and physical capabilities, in case of weakness, exhaustion, tiredness and loss of concentration. This means it benefits for our health.

In summary:

There are external and internal factors that can stimulate the pigment. Laser is the 1st priority to treat the pigment. Daily products also play important role in pigment care. External used products such as sunscreen and products with natural extracts help improving the pigment and protecting from new pigment. Internal care can benefit our health and skin from inside out. Natural products are the best benefits for your skin and your health.